RoV ยังคงเป็นเกม MOBA บนมือถือที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยความรวดเร็วของเกมเพลย์และการออกแบบตัวละครที่มีเอกลักษณ์ ล่าสุดมีการอัปเดตปรับสมดุลฮีโร่หลายตัว เพื่อให้การแข่งขันมีความยุติธรรมและหลากหลายมากขึ้น บทความนี้จะพาไปดูรายละเอียดการปรับ พร้อมเทคนิคการเล่นใหม่ที่ผู้เล่นไม่ควรมองข้าม

Ming ปรับลดความสามารถ (Nerf)
การปรับลดความสามารถของ Ming หลังจากพบว่าเขาทำหน้าที่ได้โดดเด่นเกินไปในตำแหน่งซัพพอร์ต โดยเฉพาะในทีมที่มีแครี่ดาเมจสูง เขาช่วยเร่งดาเมจให้ทีมและยังทำดาเมจเองได้ด้วย ส่งผลให้การรับมือเขาในช่วงต้นเกมทำได้ยาก ดังนั้นจึงมีการลดดาเมจของสกิลหลักลงเพื่อให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของทีมสมดุลมากขึ้น
สิ่งที่มีการปรับและผลกระทบ
แม้จะเพิ่มอัตราขยาย AP แต่การลดความเสียหายพื้นฐานต่อเลเวลลงมาก ทำให้ Ming ไม่สามารถเร่งดาเมจในช่วงต้นถึงกลางเกมได้เหมือนเดิม อีกทั้งส่งผลให้สไตล์การเล่นแบบซัพพอร์ตที่เน้นการบัฟมากกว่าการล้วงเริ่มโดดเด่นขึ้นแทน
- สกิล 1 Worry-Free ลดความเสียหายจาก 30+30/Lv.+0.2AP – 30+6/Lv.+0.25AP
- สกิล 2 Flying Wings ลดความเสียหายจาก 30+30/Lv.+0.2AP – 30+6/Lv.+0.25AP
เทคนิคการเล่นหลังการปรับ
หลังการปรับนี้ Ming ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวเปิดไฟต์หรือสร้างจังหวะสังหารได้เองมากนักอีก ผู้เล่นควรปรับสไตล์เป็นแนวควบคุมและซัพพอร์ตแครี่แบบเต็มตัว โดยเน้นใช้สกิล 1 และ 2 เพื่อสร้างพื้นที่ให้เพื่อนมากกว่าพยายามทำดาเมจตรง ๆ ควรยืนในตำแหน่งที่ปลอดภัยและเฝ้าดูจังหวะของศัตรู เมื่อเห็นว่าทีมพร้อมแล้วค่อยปล่อยคอมโบเพื่อคุมเกมแทนการลุยก่อน สาย AP ยังสามารถเล่นได้ แต่ควรเน้น Utility แทนดาเมจเป็นหลัก

Helen ปรับลดความสามารถ (Nerf)
Helen เคยเป็นตัวซัพพอร์ตที่ให้การฟื้นฟูได้ต่อเนื่องจนสามารถยื้อไฟต์ได้นานกว่าปกติ ทำให้ทีมที่มีเธออยู่มักได้เปรียบชัดเจน ทีมพัฒนาจึงเลือกลดประสิทธิภาพของการฮีลลง และเพิ่มคูลดาวน์ให้ยาวขึ้น เพื่อบังคับให้ผู้เล่นวางแผนการใช้สกิลอย่างรอบคอบมากขึ้น ไม่สามารถสแปมเพื่อยื้อเกมได้เหมือนเดิม
สิ่งที่มีการปรับและผลกระทบ
Helen ไม่สามารถฮีลถี่เท่าเดิม และการฟื้นฟูก็น้อยลง ส่งผลให้การยืนเลนต้องระวังมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงต้นเกมที่ต้องรอคูลดาวน์นานขึ้น เธอกลายเป็นซัพที่ต้องบริหารจังหวะฮีลให้แม่นยำกว่าเดิม และต้องระมัดระวังเรื่องตำแหน่งมากยิ่งขึ้น
สกิล 1 Healing Light:
- คูลดาวน์เพิ่มขึ้นจาก 9 วินาที เป็น 12-0.4/Lv.
- ปรับค่าฮีลจาก 80+16/Lv.+0.3AP ให้อยุ่ที่ 70+14/Lv.+0.2AP
เทคนิคการเล่นหลังการปรับ
การเล่น Helen หลังจากถูกเนิร์ฟ ต้องเน้นวางตำแหน่งให้ดีมากกว่าเดิม ผู้เล่นควรรู้จังหวะว่าเมื่อใดควรกดฮีลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ควรใช้ฟุ่มเฟือยในจังหวะที่ไม่จำเป็น การเล่นร่วมกับแครี่หรือตัวตีระยะไกลจะได้ผลดีที่สุด เพราะสามารถยืนแนวหลังด้วยกัน และ Helen จะคอยซัพได้อย่างปลอดภัย ในทีมไฟต์ควรเก็บสกิลไว้สำหรับช่วงที่ทีมโดนเปิดหนัก หรือช่วงที่แครี่เลือดใกล้หมด เพื่อพลิกสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด การใช้บัฟ AP หรือคูลดาวน์เพื่อลดเวลารอจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการชดเชยการปรับลดครั้งนี้

Annette ปรับเพิ่มความสามารถ (Buff)
Annette ได้รับการปรับปรุงให้มีลูกเล่นมากขึ้นทั้งในด้านการสนับสนุนทีมและการคุมพื้นที่ เป้าหมายคือคืนความสำคัญให้กับเธอในตำแหน่งซัพพอร์ตแบบ Utility โดยเน้นการสนับสนุนเพื่อนและสร้างพื้นที่ควบคุมจังหวะของเกมมากกว่าการใช้แค่สกิลกันตาย การปรับครั้งนี้ถือว่าทำให้เธอเล่นได้สนุกและมีมิติมากขึ้น
สิ่งที่มีการปรับและผลกระทบ
แม้ดาเมจลดลง แต่ความสามารถในการคอนโทรลไฟต์และสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเคลื่อนที่ระหว่างอัลติช่วยให้การเปิดหรือกันจังหวะไฟต์มีความลื่นไหลกว่าเดิม เป็นการเปลี่ยนจากสายทำดาเมจ มาเน้นการควบคุมและสนับสนุน
สกิล 1 Gust Force
- พันธมิตรในวงเวทได้ความเร็วเคลื่อนที่เพิ่ม 10% (สูงสุด 5 ขั้น)
- สามารถผลักวงเวทไปจนสุดระยะของสกิล 2 ได้แล้ว
- เวลาแสดงผลเพิ่มจาก 2 ไปที่ 4 วินาที
- ความเสียหายลดลงเล็กน้อย
สกิล 2 Wind Cuffs หากใช้ผ่านวงเวทของสกิล 1 จะเพิ่มระยะเล็กน้อยสกิล 3 Hurricane Wall เคลื่อนไหวได้ขณะใช้สกิล แต่ความเร็วจะลดลง 50%
สกิล 3 Hurricane Wall เคลื่อนไหวได้ขณะใช้สกิล แต่ความเร็วจะลดลง 50%
เทคนิคการเล่นหลังการปรับ
Annette เหมาะกับทีมที่เน้นการเดินเกมและคุมจังหวะให้เพื่อน โดยเฉพาะในไฟต์กลางเกมขึ้นไป ผู้เล่นควรใช้สกิล 1 เป็นตัวบัฟความเร็วให้เพื่อนร่วมทีมเข้าไฟต์หรือหนีไฟต์ และผสานกับสกิล 2 เพื่อผลักศัตรูออกห่างจากแครี่ การประสานสองสกิลนี้จะช่วยคุมแนวหน้าได้ดีมาก ส่วนสกิลอัลติที่เคลื่อนไหวได้ เปิดโอกาสให้ Annette เคลียร์พื้นที่หรือดันศัตรูออกจากพื้นที่สำคัญอย่างบัฟ ดาร์คสเลเยอร์ หรือมังกรแดงได้อย่างแม่นยำ ควรใส่รูนเน้นคูลดาวน์และยืนหลังทีมเพื่อสนับสนุนจากระยะปลอดภัยให้มากที่สุด

Kil’Groth ปรับลดความสามารถ (Nerf)
Kil’Groth กลายเป็นตัวที่สร้างความได้เปรียบระยะยาวเมื่อสามารถฟาร์มได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายเกม เขามีพลังโจมตีที่สะสมได้เร็วและแรงจนแทบไม่มีใครต้านไหว การลดค่าพลังโจมตีจากการสังหารจึงเป็นทางออกที่ช่วยปรับความสมดุลให้เกมมีจังหวะชะลอตัวลง
สิ่งที่มีการปรับและผลกระทบ
ดาเมจของ Kil’Groth ในช่วงกลางถึงเลทเกมจะเบาลงพอสมควร ทำให้ไม่สามารถลุยเดี่ยวหรือแบกเกมได้ง่ายเหมือนก่อน โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแทงค์หรือซัพพอร์ตที่มีความหนาแน่นสูง
Passive The Fanatic
- โบนัสพลังโจมตีจากการฆ่าฮีโร่/ป้อม ปรับจาก 8 มาอยู่ที่ 5
- โบนัสจากยูนิตอื่นยังคงได้ +1 เท่าเดิม
เทคนิคการเล่นหลังการปรับ
หลังจากถูกปรับลดความสามารถ ผู้เล่นจำเป็นต้องวางแผนการเล่นอย่างรอบคอบมากขึ้น การเก็บสะสมพลังโจมตีจากการฟาร์มมินเนี่ยนเป็นเรื่องสำคัญ และควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการบุกหรือเข้าร่วมทีมไฟต์ หลีกเลี่ยงการบุกเดี่ยวกลางศัตรูโดยไม่มีการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม ใช้จังหวะโจมตีต่อเนื่องและอัลติที่ช่วยล้างสถานะเป็นจุดเด่นของ Kil’Groth พยายามดึงให้ศัตรูใช้สกิลก่อน แล้วจึงเปิดฉากโจมตีในช่วงเวลาที่ได้เปรียบ วิธีนี้จะช่วยให้สร้างอิมแพคได้ดีโดยไม่ต้องพึ่งพาโบนัสพลังโจมตีที่ได้จากการฆ่าป้อมหรือฮีโร่มากนัก
การอักเดตล่าสุด สำหรับฮีโร่ใน RoV ครั้งนี้ช่วยสร้างความหลากหลายในการเล่นมากขึ้น ทำให้ผู้เล่นต้องวางกลยุทธ์และปรับสไตล์ตามสถานการณ์จริง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งเสริมให้เกมมีความยุติธรรม และเพิ่มความสนุก เพราะไม่สามารถพึ่งแต่ตัวละครเก่งเพียงอย่างเดียวได้ การเข้าใจและปรับตัวจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะอย่างแท้จริง