นัทธพงศ์ หยีมะเหรบ หรือ ลิก คือผู้รักษาประตูมือกาวของกีฬาฟุตซอลทีมชาติไทยและเป็นตัวจริงของสโมสรการท่าเรือ เป็นอีกหนึ่งนักกีฬาที่มีความทุ่มเท พยายามและสู้เพื่อที่จะได้อยู่บนเส้นทางฟุตซอลซึ่งเป็นสิ่งที่เขารักและอยากประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพนี้ตามแบบที่ตั้งใจไว้ ความมุ่งมั่นตั้งใจของลิกทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ หลายคนที่มีความฝันแบบเดียวกันกับเขา
ลิก นัทธพงศ์ไม่ใช่แค่ผู้รักษาประตูฟุตซอลทีมชาติไทยและกำลังสำคัญของการท่าเรือเท่านั้น แต่เขาคือกำลังสำคัญและตัวจริงในนามสโมสรการท่าเรือและทีมชาติไทย และนี่คือรางวัลแห่งการไม่ยอมแพ้ เพราะเขาทำให้แฟนฟุตซอลเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าจากตัวสำรองของทีมสามารถพาตัวเองมาสู่ตัวจริงที่ได้รางวัลระดับประเทศได้จริง และนั่นไม่ใช่แค่พรสวรรค์เท่านั้น แต่เขาทำมันด้วยพรแสวงเป็นหลัก จนได้รับฉายาจากแฟน ๆ ว่าปีเตอร์ลิก

ชีวิตที่สร้างเองของ ลิก นัทธพงศ์ หยีมะเหรบ
มาทำความรู้จักกับลิกให้มากขึ้นกันดีกว่า นัทธพงศ์ หยีมะเหรบ เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ . 2536 ในอำเภอละงู จังหวัดสตูล เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของชุมชน ลิกเติบโตในครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและกีฬา คุณแม่ของเขาคือแรงผลักดันสำคัญที่สนับสนุนให้เขาตามหาความฝันด้านกีฬา ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ลิกเริ่มหลงใหลในฟุตบอล โดยเฉพาะตำแหน่งผู้รักษาประตู เขาได้แรงบันดาลใจจาก ปีเตอร์ เช็ก นายด่านระดับโลกชาวเช็ก ซึ่งจุดไฟในใจให้เขาอยากเป็นผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยม และนั่นคือที่มาของฉายา ปีเตอร์ลิก ของเขานั่นเอง
ความรักในกีฬาฟุตบอลทำให้ลิกเริ่มคิดเล่นแบบเต็มที่มากขึ้น เขาจริงจังกับการเล่นและฝึกซ้อมตั้งแต่เรียนระดับประถมที่โรงเรียนละงู และเมื่อขึ้นชั้นมัธยมเขาได้มาเรียนที่โรงงเรียนกำแพงวิทยา และก็ยังไม่ย่อท้อต่อการเล่นฟุตบอล แต่ด้วยความที่ลิกเป็นคนตัวเล็กไม่สูงเท่าเพื่อน ๆ ในชั้นเดียวกัน เขาจึงยังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมประจำโรงเรียนได้ตามที่คาดหวัง ต่อมาลิกได้ย้ายมาเรียนที่กรุงเทพตอน ม.2 และใช้โควต้านักกีฬาในการเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เขายังคงฝึกซ้อมอย่างเต็มที่อย่างไม่ยอมแพ้ด้วยความหวังที่จะไปได้ดีในเส้นทางกีฬาฟุตบอล
ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ลิกยังคงเผชิญกับความท้าทายในฐานะตัวสำรอง เนื่องจากมีรุ่นพี่ครองตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่ง เพื่อหาโอกาสลงสนาม ลิกตัดสินใจเปลี่ยนมาเล่นฟุตซอลในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แม้ในช่วงแรกเขาจะยังคงเป็นตัวสำรองให้กับ บดินทร์ ผาลา เพื่อนร่วมรุ่น แต่ลิกใช้เวลาทุกนาทีในการฝึกฝนทักษะการเซฟและการอ่านเกม จนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เขาเริ่มได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอและแสดงศักยภาพที่โดดเด่น

เส้นทางสู่การเป็นนักฟุตซอลระดับแนวหน้า
ในปี 2558 ทีมมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตลงแข่งขันใน ฟุตซอลลีกดิวิชั่น 1 ลิกเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยทีมคว้ารองแชมป์และเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด ผลงานของเขาดึงดูดความสนใจจากสโมสรชั้นนำ และในปี 2560 สโมสร การท่าเรือ ยืมตัวลิกไปร่วมทีม เขาโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยม ช่วยทีมคว้าแชมป์ ฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียน 2017 ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลระดับอาชีพใบแรกในชีวิตของเขา
ในปี 2561 การท่าเรือซื้อตัวลิกมาร่วมทีมถาวร แม้จะเริ่มต้นด้วยการเป็นมือสองรองจาก คณิศร ภู่พันธ์ แต่ลิกไม่เคยท้อ เขามุ่งมั่นฝึกซ้อมและรอโอกาส จนได้ลงเล่นมากขึ้นและช่วยทีมคว้าแชมป์ ฟุตซอลไทยลีก 2018 และ เอฟเอ คัพ 2018 พร้อมรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม รวมถึงแชมป์ลีกต่อเนื่องในปี 2562

ถนนแห่งความสำเร็จของ ลิก นัทธพงศ์
หลายคนอาจจะเข้าใจว่าพรสวรรค์คือสิ่งที่ทำให้คนคนหนึ่งไปสู่จุดหมายได้รวดเร็ว แต่ในความเป็นจริงแล้วความพยายามต่างหากที่ทำให้คนนั้นไปสู่จุดหมายแห่งความสำเร็จได้ตามที่ตั้งใจไว้ และลิก นัทธพงศ์คืออีกบุคคลหนึ่งที่พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ต้องการได้จากความพยายาม ความไม่ยอมแพ้ของเขาเอง การตั้งใจฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องตามแผนที่โค้ชวางไว้ ความมีระเบียบวินัยไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคเป็นสิ่งที่น่านับถือและเป็นแบบอย่างที่ดีในการมุ่งไปสู้เส้นทางนักกีฬาทีมชาติและเป็นตัวจริงของสโมสรการท่าเรือได้ในที่สุด
ลิกมีคำพูดหนึ่งที่น่าสนใจมากคือ “การเป็นผู้รักษาประตูไม่ใช่แค่การป้องกันประตู แต่เป็นการปกป้องความหวังของทีมและแฟน ๆ ทุกคน” นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมลิกจึงตั้งใจกับทุกเกมที่เขาลงแข่ง เพราะเขากอยากทำให้ดีที่สุด เต็มที่ที่สุด เพื่อแฟนฟุตซอลทุกคนนั่นเอง
ในปี 2024 ลิกมีบทบาทสำคัญใน ASEAN Futsal Championship 2024 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทย เขาเซฟลูกสำคัญในรอบชิงชนะเลิศ ช่วยให้ทีมชาติไทยคว้าแชมป์และสร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟน ๆ ทั่วประเทศ ความสำเร็จนี้ไม่เพียงยืนยันถึงความสามารถของเขา แต่ยังแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของความทุ่มเทที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

อุปสรรคและการก้าวข้ามขีดจำกัด
เส้นทางของลิกไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เขาเคยเผชิญกับอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าซึ่งเกือบทำให้ต้องพักยาวในช่วงปี 2563 ความกดดันจากความคาดหวังของแฟน ๆ และความท้าทายในการรักษาฟอร์มการเล่นก็เป็นสิ่งที่เขาต้องต่อสู้ แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งและการสนับสนุนจากครอบครัวและทีมงาน ลิกสามารถกลับมาสู่สนามได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เขามักเน้นย้ำว่า “ทุกครั้งที่เจอปัญหา ผมมองว่ามันคือโอกาสที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้น”

ลิก กับการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนรุ่นใหม่
มีคนจำนวนมากที่อยากประสบความสำเร็จเหมือนคนที่ชื่นชอบ และเยาวชนหลาย ๆ คนที่รักในการเล่นกีฬาฟุตซอลก็มีลิกเป็นตัวอย่างที่ดีในการทุ่มเทเพื่อจะได้ไปถึงจุดมุ่งหมายในการเป็นนักกีฬาทีมชาติแบบเขา
นอกเหนือจากผลงานในสนาม ลิก นัทธพงศ์ ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬามืออาชีพ ลิกเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีเป้าหมายที่ชัดเจนและการทำงานหนักเพื่อให้ถึงฝัน เรื่องราวของเขาที่เริ่มจากเด็กที่ชอบเล่นฟุตบอลสู่การเป็นนักกีฬาทีมชาติได้จุดประกายให้เด็ก ๆ หลายคนกล้าที่จะฝันใหญ่
ในวงการฟุตซอลไทยที่ยังคงต้องแข่งขันกับความนิยมของฟุตบอล ลิกได้ช่วยยกระดับกีฬานี้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านผลงานในสนามและการเป็นตัวแทนทีมชาติในเวทีนานาชาติ เขาเชื่อว่าฟุตซอลไทยมีศักยภาพที่จะก้าวไกลในระดับโลก หากมีการสนับสนุนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

อนาคตของลิกและฟุตซอลไทย
ด้วยวัยเพียง 31 ปี ลิก นัทธพงศ์ ยังคงอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพนักกีฬา เขามีเป้าหมายที่จะพาทีมชาติไทยคว้าผลงานที่ดีในทุกเกมการแข่งขันและสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการฟุตซอลไทย นอกจากนี้เขายังวางแผนที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการฟุตซอลในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเป็นโค้ชหรือที่ปรึกษา เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และช่วยยกระดับกีฬานี้ในประเทศไทย
ลิก นัทธพงศ์ หยีมะเหรบ คือตัวอย่างของนักกีฬาที่แสดงให้เห็นว่าความทุ่มเทและความมุ่งมั่นสามารถเปลี่ยนชีวิตและสร้างความสำเร็จได้ จากเด็กที่หลงใหลในฟุตซอลสู่การเป็นผู้รักษาประตูระดับแนวหน้าของทีมชาติไทย ลิกได้พิสูจน์ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หากมีความพยายาม เรื่องราวของเขาไม่เพียงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นใหม่ แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนให้วงการฟุตซอลไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง